I Fine Thank You Love You (ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิปยู้ )
“I Fine Thank You Love You” หรือ “ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้” ได้มีโอกาสเข้ามาชม
ในวันที่สองของหนังเรื่องนี้เข้าฉาย วันแรกที่เข้าฉายนั้นต้องเรียกว่าทุบสถิติอย่างหนัง
ที่ทำรายได้ “พันล้านบาท” ของเรื่อง “พี่มาก พระโขนง” ไปได้อย่างน่าตกใจ และเหลือเชื่อ
แต่เท่าที่ได้ดู Trailer มาอย่างบ่อยและเยอะมากๆ ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะทำเรียกความเชื่อถือ
ของภาพยนตร์ไทยได้อย่างดีไม่น้อย สำหรับผมขอให้มันออกมาดีๆและ Feel Good
อย่างที่ผมเคยได้กล่าวเอาไว้ว่าผมหมดพลังที่จะดูหนังไทยตั้งแต่เรื่อง กวน มึน โฮ
ในประเด็นที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้จบแบบ Feel Good ในมุมมองของผม…
เท่าที่ได้อ่านเนื้อเรื่องย่อของเรื่องนี้มาก็จะพยายามไม่สปอยล์ไปมากกว่าที่ GTH ทำเอาไว้
ในการรีวิวในแบบของผมเองโดยมุมมองส่วนตัวนะครับ ขอติในสิ่งที่รู้สึกก่อนเลย
และอยากจะเน้นมากคือ โฆษณาแฝงที่เยอะพอสมควรโดยประมาณแล้ว 5-6 ชิ้นเลยทีเดียว
ผมไม่ได้บอกว่าโฆษณาแฝงหรือเยอะไม่ได้ภายในภาพยนตร์ แต่อยากให้มันเนียนๆนะครับ
อันนี้มันเหมือนยิงตรงๆกันเลยทีเดียว อีกเรื่องที่ผมก็ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปคนเดียวหรือไม่นะ
เรื่องนี้จะตลกเยอะไปไหม ถ้าเอาตลกมันก็ตลกนะในหลายๆฉากก็ชอบฮาดี
ในบางมุมบางฉากก็ไม่น่าเอามาเล่นในเรื่องนี้
ภาพยนตร์เรื่อง ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้ วินาทีแรกที่ได้ดู Trailer ของเรื่องแสดงได้ชัดว่าเรื่องนี้
จะต้องออกไปในทางแนวที่เรียกว่า “รอมคอม” อย่างแน่นอนพร้อมกับชื่อของ GTH เข้าไป
มันก็มากพอที่จะในเดาตอนจบว่าต้องได้รักกันอย่างแน่นอนแต่คิดแค่ว่าจะทำบทออกมาในทางไหน
ก็อย่างที่ผมเคยบอกและกล่าวเอาไว้ “ผมเป็นเพียงผู้บริโภคเท่านั้น” ในบทของตัวละครก็ถือว่า
ทำออกมาได้เป็นอย่างดีโดยที่ให้ “ไอซ์” มารับบทเป็นติวเตอร์สาววิชาภาษาอังกฤษชื่อ “เพลง”
โดยเรื่องนี้จะให้ เพลง เป็นตัวละครที่มี “ยิม” รับบทโดย “ซันนี่” ผมที่โง่ภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก
แต่ต้องการเรียนในเหตุผลแค่อยากจะง้อแฟนที่อเมริกา ในภาพยนตร์ใช้จุดนี้เป็นการเดินเรื่องหลักๆ
แล้วให้ติวเตอร์สาวเป็นคล้ายๆตัวแปรตามเนื้อเรื่องไปตลอดทั้งเรื่อง ในเรื่องก็จะมีตัวละครอีก 2-3 คน
ที่ไม่ได้กล่าวออกมาแต่ขอพูดถึงอีกคนที่มีบทอยู่พอสมควรนั้นคือ “คุณพฤกษ์” เป็นนักธุรกิจหนุ่ม
หล่อ รวย ที่รับบทโดย “ตู่ ภพธร” เข้ามาเรียนที่ติวเตอร์เช่นกันแต่ด้วยเหตุผลอะไรก็ต้องดูกันเอง
ในเรื่องของแบบรอมคอมสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือ ความโรแมนติก ที่ในเรื่องนั้นก็มีออกมาเรื่อยๆ
มีการใช้เพลง ฉาก อารมณ์ ความรู้สึก เข้ามาเป็นตัวช่วยให้ผลักดันลากเราเข้าไปสู่ห้วงอารมณ์ที่อิน
ผมบอกเลยผมอินเป็นอยากมากๆในหลายๆความรู้สึกที่ในฉาก หรือ ซีนของความรัก ที่ทำออกมา
ก็อธิบายไม่ถูกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ดีหรือไม่ดี ควรดูหรือไม่ควรดู ส่วนตัวผมก็ยังอยากเห็นคนดูหนัง
เข้าช่วยผลักดันวงการภาพยนตร์ไทย ผมรักหนังไทยมากๆนะครับ ผมเคยทำวิจัยตอนเรียนจบ
ในหัวข้อเรื่อง “พฤติกรรมผู้บริโภคที่มีต่อภาพยนตร์ไทย” อาจจะไม่ได้ทำออกมาดีที่จะ
ไปเที่ยวอวดใครต่อใครในงานวิจัยของผม และอีกอย่างคือการเก็บสะสม Boxset ภาพยนตร์ไทย
ผมเก็บงานที่เป็น Limited ไว้อยู่หลายๆเรื่องตั้งแต่ “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ” มาเป็นเวลาตลอด
และไม่เคยแกะออกมาเลยซักกล่อง เพราะผมให้คุณค่าในแต่ละ Boxset ในตัวของมัน
ถ้าถามผมว่าเรื่องนี้ควรเข้าไปดูในโรงภาพยนตร์มั้ย หรือว่าควรรอตอนออกมาเป็น DVD แล้วดูที่บ้าน
อยากให้รีวิวนี้เป็นการตัดสินใจอีกทางก็แล้วกันนะครับ แต่เรื่องนี้ผมจะกลับมาซื้อ “Boxset” อีกครั้ง
ปล.ถ้าเรื่องนี้ไม่มีบทตลกแย่ๆและเยอะมากจนเกินไป ผมให้เรื่องนี้ทำออกมาได้แบบตัดเกรด “A” ได้
ขอทิ้งท้ายสำหรับเพลง “Walk You Home” Ost จากเรืื่องนี้ที่ทำให้ผมอินเป็นอย่างมากๆในซีนที่มีเพลงนี้ในฉาก
นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆที่ทำช่วงตลกออกมาเยอะ
และตลกแย่ๆในบางจุด แต่ยังไงผมก็ยังอยากจะยืนยัน
จากปากผมจากรีวิวของผมเองว่า เรื่องนี้ก็ยังทำออกมาได้ดีอยู่
นับว่าไม่ได้ตกไปจากมาตรฐาน ในมุมของเรื่องความรักผมจัดว่าชอบ
แต่ในมุมของตลกมีดีในบางฉาก และบางฉากที่ไม่คิดว่าจะเห็นในเรื่อง
จริงๆคะแนนทางด้านอารมณ์ กับความรู้สึกควรจะได้ 9.3 แต่ขอหักออกไป
ในเรื่องที่บอกคือ ตลกในจุดไม่ควรตลก กับมากจนเกินไปครับ...
-
เนื้อเรื่อง 8
-
นักแสดง 8
-
โลเคชั่น ฉาก แสง 8.5
-
เพลงประกอบ 9
-
อารมณ์ ความรู้สึก 8.8