ซีรี่ย์ที่ผมอยากจะเขียนถึงเป็นอย่างมากทุกสุดคือเรื่อง “Pinocchio” จริงๆแล้วตั้งใจว่าจะรอดูถึง Ep.6 จบก่อน
แต่ด้วยรู้สึกว่า เนื้อเรื่อง การปูเรื่องทั้งหมด ได้ค่อยๆชัดขึ้นชัดขึ้น จนจบ Ep.4 ผมเลยมองว่าซีรี่ย์เรื่องนี้
“ไม่ควรที่จะรับรู้เรื่อง หรือ เรื่องย่อ จนรวมไปถึงสปอยล์” เพราะอย่างนี้มันจะทำให้คุณสามารถดู “Pinocchio”
ได้อย่างสนุกและอินไปตามกับอารมณ์ของเรื่องทั้งหมด
อย่างที่ผมเคยบอกว่าเดี่ยวนี้ได้นำการใช้วิธีเปิดตัวซีรี่ย์ใน Ep.แรก แบบแรงๆใส่เนื้อเรื่องความรู้สึกที่
พยายามจะดึงให้ผู้ชมอินไปในความรู้สึกที่รุนแรงเอาให้แบบสตั้นไปหลายวิอยู่เช่นกัน ซึ่งเรื่อง Pinocchio
ได้ถูกฉายต่อจากเรื่อง My lovely girl ในวันพุธ กับ วันพฤหัสบดี ทางช่องของ SBS ที่ตอนแรกก็ทำเอาผม
ที่เปิดดูในตอนแรกก็เอาในสตั้นไปนานเช่นกัน ถ้าเรื่องหน้าต่อจาก Pinocchio ออกตัวแรงอีกแสดงว่า
เป็นไม้เด็ดของทางช่อง SBS แล้วละ
Pinocchio เรื่องนี้เป็นการรีวิวในแบบฉบับที่ผมอยากจะทำมากที่สุด คือ การแบ่งการรีวิวออกเป็นช่วงๆ
Ep.1 ถึง Ep.4 เนื้อเรื่องระยะของเวลาอาจจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว จำเป็นที่ถ้าอยากจะเก็บรายละเอียดของเรื่อง
คุณควรจะต้องตั้งใจ เพราะเนื้อเรื่องกับอายุตัวละครมันผ่านไปรวดเร็วมากอยู่พอสมควรเลยทีเดียว
เอาจริงๆเลยนะ ผมนั่งอ่านเรื่องย่อกับดูไป 4 ตอนจบลง…..ไม่เห็นจะมีความเหมือนเรื่องย่อเลยมีแค่ชื่อตัวละคร
ที่รู้สึกว่าตรงกับอาชีพนักข่าวแค่นั้นละ ในเรื่องมีการพูดถึงโรค “Pinocchio” ตามชื่อเรื่อง นั้นก็คือว่า
ปกติของตัวละคร Pinocchio เวลาโกหกจมูกจะยื่นยาว แต่ในทางกลับกันแล้วของซีรี่ย์เรื่องนี้ที่ต่างออกไปคือ
เมื่อไรคนที่เป็นโรคนี้โกหกออกมาจะมีอาการสะอึก คนที่เขียนบทออกมาถือว่าเก่งมากๆที่สามารถเขียนจุดนี้ออกมาได้
แล้วเชื่อมโยงเข้ากลับชีวิตจริงจนเขียนเป็นซีรี่ย์ออกมาให้เราได้ดูกันทั้งหมด 20 Ep
ชเวดัลโพ กับ ชเวอินฮา คือบทของพระเอกและนางเอก ตอนแรกที่นั่งอ่านทำเอาผมงงไปเลยว่าทำไมชื่อเหมือนกัน
พอได้นั่งดูไปจนจบ Ep.1 จึงเข้าใจได้มากขึ้นในเหตุผลว่าทำไมถึงได้ชื่อนี้มาทั้งคู่ ถ้าหลุดพูดออกไปละก็สปอยล์โหดเลยละ
“ชเวดัลโพ” รับบทโดย “อีจงซอก” เป็นผู้ชายที่มีความสามารถและฉลาดแบบสูงมากๆแต่เค้าไม่ค่อยได้เปิดเผยออกมา
ที่เค้านั้นจำเป็นที่ต้องปิดบังเอาไว้เพราะด้วยเหตุบางอย่างของทางบ้านที่เข้าใจไปแล้วอย่างนั้น
เค้าจึงต้องทำตัวให้มันเลยตามเลย แกล้งโง่ไม่ขยันเรียนไปวันๆได้ที่สุดท้ายของโรงเรียน
โดยที่มีอยู่มาได้เจอเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ “ชเวอินฮา” รับบทโดย “ปาร์คชินเฮ(พัคชินเฮ หรือ น้องผัก^^)”
สาวผู้มีฝันอยากจะเดินทางสายนักข่าว ดันสงสัย ดัลโพ เข้าจึงทำให้ตัวของ อินฮา สืบไปสืบมาจนพบความจริงที่น่าตกใจมาก
ในส่วนนี้เป็นเนื้อเรื่องช่วงนี้ระหว่าง Ep.1 กับ Ep.2 ในมุมของบทนี่ผมให้ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว มันคล้ายกับการที่
ผูกเรื่องราวเป็นเงื่อนๆหลายเงื่อน โดยให้การดำเนินเรื่อง หรือ เรียงลำดับแล้วเล่าออกมาเป็นเหตุการณ์ในซีรี่ย์ผ่านตัวละคร
อาจมีเรียกกันบ้างไม่เรียงกันบ้าง ข้ามไปข้ามมา แต่ว่าสิ่งที่ผมจับความรู้สึกได้เป็นอย่างดี คือ
“เรียงกันตามความรู้สึกทางอารมณ์” จนเข้ามาถึงช่วง Ep.3 ที่มีเรื่องของแม่ลูกเข้ามาเกี่ยวข้อง
การนั่งหลอกตัวเองไปวันๆ แถมยังเป็นการมาของพระรองในช่วงท้าย
แต่จะว่าไปแล้ว Ep นี้สายตาที่ ดัลโพ แอบมอง อินฮา อยู่ไกลๆ นั่งมองดู อาการของคำว่าเป็นห่วงจนกลายเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น
ความรู้สึกแบบนี้ได้แสดงให้ชัดขึ้นมากขึ้นไปจากเดิม แต่จากอาการของโรคที่ อินฮา เป็นจนทำให้เกิดประโยคนี้ขึ้น
“ทำไมต้องแกล้งทำว่าไม่เป็นไรด้วย เพราะฉันนั้นรู้ว่าเธอเจ็บมากแค่ไหน” ตอนฉากนี้ บทสนทนานี้ มันเกิดขึ้นผมรู้ตัวอีกที
ก็กลายเป็นว่าผมได้ถูกซีรี่ย์เรื่อง “Pinocchio” ดูดสิ่งที่เรียกว่า “สติ” หลุดออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วจาก พระนางคู่นี้
ส่วนของ Ep.4 พูดอะไรมากไม่ได้ไปกว่าไปลองดูกันครับ ถ้าหลุดอะไรใน Ep. นี้ละก็ผมโดนด่าว่า “สปอยล์” แน่นอน
แต่ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยนะ คื่อเรื่อง “สายตา” ของพระนางคู่นี้เป็นอย่างมาก ขอเน้นไปที่ พระเอกอย่าง “ชเวดัลโพ”
สายตาที่เปลี่ยนไปจาก Ep แรก ตลอดจนเข้า Ep 4 นี้เค้าได้สื่อความรู้สึกผ่านทางสายตาได้เป็นอย่างดีมากๆ จนอินไปตามๆกัน
ไม่ใช่แค่ในเวลามอง “ชเวอินฮา” เพียงอย่างเดียว รวมไปถึงเวลามองไปที่ตัวละครในเรื่องก็แสดงออกมาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
เคมีของพระนางคู่นี้ถ้าเอาเท่าที่ผมได้นั่งดูมา 4 ตอนก็ถือว่าลงตัวเป็นอย่างดีเลยทีเดียว เรื่องบทของตัวเอก พระเอก นางเอก
แสดงกันได้ร่วมแสดงกันได้เป็นอย่างดี ไอ้คำว่า เคมีเข้ากัน คือบางเรื่องสนุกหมดทุกอย่างแถมพระนางก็เล่นดีแต่มันไม่เข้ากัน
มันก็เหมือนกับการที่คุณแต่งตัวเสื้อกับกางเกงเป็นของดีทั้งคู่ แต่มันไม่เหมาะกันเท่านั้นละครับง่ายๆ
อันนี้เรื่องส่วนตัวนะครับผมชอบฉากนี้เป็นอย่างมากเลยอยากจะลงเอาไว้
อย่างที่ผมเคยพูดไว้นะครับ ผมให้อารมณ์สิ่งที่ผมมักจะเรียกมันว่า
“อารมณ์ของฉาก” อย่างฉากนี้ที่ลงไว้
นักแสดงหลักของเรื่อง Pinocchio ทั้งสี่คน
Lee Jong Suk (อี จง ซอก) รับบทเป็น Choi Dal-po (ชเว ดัล โพ)
Park Shin Hye (ปาร์ค ชิน เฮ/พัค ชิน เฮ) รับบทเป็น Choi In-ha (ชเว อิน ฮา)
Kim Young Kwang รับบทเป็น Seo Bum-jo (ซอ บอม โจ)
Lee Yoo Bi รับบทเป็น Cha Hye-seung (ยุน ยู แร)
ทิ้งท้ายด้วยภาพจากเรื่องกับ Teaser ที่ออกมาก่อนซีรี่ย์จะมา
พร้อมทั้ง OST แรกของเรื่องนี้นะครับ
เรื่องราวของทั้งคู่ในเรื่อง Pinocchio ผ่านมาเพียง 4 ตอน
ไม่ว่าจะยังไงมันก็ทำให้ผมรู้สึกชวนติดตามดูตอนต่อไปมากๆ
ถึงจะมีความชอบส่วนตัวของนักแสดง ผมก็ยังยืนยันว่าเป็นกลาง
คะแนนตรงนี้คือแค่ 4 ตอนนะครับ
-
เนื้อเรื่อง
-
นักแสดง
-
โคเคชั่น ฉาก แสง
-
เพลงประกอบ
-
อารมณ์ ความรู้สึก